เป็นเวลากว่า 8 ปีแล้วที่คนไทยติดชะงักทั้งทางด้านเศรษฐกิจ บทบาทในเวทีโลก และสิทธิมนุษยชนในประเทศ นับตั้งแต่การชุมนุมบนท้องถนนภายใต้การนำของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในชื่อคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยในการร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเหมาเข่ง ในภายหลังก็มีการเรียกร้องให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ลาออกจากตำแหน่ง และให้ทหารจากกองทัพเข้ามาปฎิรูปประเทศ

ภายในเย็นวันที่ 22 พฤษภาคม หลังจากที่มีการส่งทหารเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ภายในประเทศและสั่งปิดไปบางช่อง ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็ได้มีการจัดแถลงการยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ เป็นการรัฐประหาอย่างเป็นทางการ และมีการออกหมายเรียกบุคคลต่างๆ กว่า 476 คนทางโทรทัศน์ โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นนักการเมือง นักเคลื่อนไหว นักวิชาการ และสื่ออิสระ โดยหากไม่มาตามหมายเรียก จะถูกดำเนินคดีตามประกาศ คสช. ที่ 25/2557, 29/2557 และ 41/2557 โดยที่ผู้ที่ถูกเรียกรายงานตัวนั้นไม่ได้ทำผิดข้อกฎหมายใดๆ เลย และมีบางคนถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางไทยหรือลี้ภัยไปยังต่างประเทศ นอกเหนือจากการยึดอำนาจ การออกหมายเรียกบุคคลและดำเนินคดี ยังได้มีการแต่งตั้งอำนาจโดยภายในกลุ่มพวกพ้องเดียวกัน โดยหนึ่งในนั้นคือผู้ว่าและรองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร

ปวิณ ชัชวาลพงศ์พันธ์ และ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ก็เป็นคนส่วนหนึ่งที่ถูกเพิกถอนหนังสือเดินทางไทย และมีการออกหมายจับจนทั้งสองคนต้องลี้ภัยไปยังต่างประเทศ และยังมีอีกหลายคนที่ คสช. ได้มีการบุกจับกุมถึงเคหะสถาน และมีการซ้อมทรมานในค่ายทหารอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก
The Momentum, BBC Thai, Prachathai, ฟ้าเดียวกัน